ทาสีใหม่

ทาสีใหม่เหมือนได้บ้านใหม่ ที่จะเรียกคนให้เข้าหาหน้าตาคือสิ่งสำคัญ การทาสีใหม่ถือเป็นการปรับเปลี่ยนหน้าตาของบ้านให้ดูดีกว่าเดิม ทาสีใหม่จะช่วยเนรมิตบ้านเก่าให้กลายเป็นบ้านใหม่ได้ในพริบตา ลงทุนเพียงนิดเพื่อสิ่งตอบแทนที่มากกว่า แค่คุณทาสีบ้านใหม่ทั้งหมด คุณก็จะได้บ้านที่หน้าตาสวยงาม สะอาดตา ยิ่งถ้าหากทาสีขาวจะยิ่งทำให้บ้านดูกว้างขวาง ดึงดูดเงินเข้ากระเป๋าคุณได้ไม่ยาก ขายบ้านได้ราคาดีน่าซื้อชัวร์ 

ปูกระเบื้องใหม่

กระเบื้องเก่าอาจจะทำให้นักลงทุนรู้สึกว่าทำไมสภาพเก่าจัง ไม่น่าซื้อ ไม่มีมูลค่า ไม่สร้างความประทับใจแรกต่อการมาชม การปูกระเบื้องใหม่จะทำให้พื้นบ้านเก่าของคุณสะอาดตา เปลี่ยนบ้านเก่าให้เป็นบ้านใหม่ได้ในชั่วพริบตา เพื่อการขายบ้านให้ได้ราคาดีที่สุด หากคุณคิดว่าการรื้อกระเบื้องเก่าปูกระเบื้องใหม่เป็นเรื่องยาก คุณเข้าใจผิด! สามารถอ่านได้ที่บทความวิธีการปูกระเบื้องด้านล่าง

ทำฝ้าใหม่

ฝ้าเก่า ดำ มีรอยน้ำซึม เปลี่ยนสิรออะไร การปรับปรุงฝ้าเพดานโดยรื้อของเดิมออกเป็นการรีโนเวทเปลี่ยนใหม่ให้สวยดูดีกว่าเดิมนอกจากเป็นความสร้างมูลค่าเพิ่มแล้ว การทำฝ้าใหม่ยังเป็นการดู สำรวจ และจัดระเบียบสายไฟ ท่อประปาที่ซ่อนอยู่เหนือฝ้าเดิม เพื่อเช็คดูความปลอดภัย เสียหายตรงไหน จะได้ซ่อมแซมให้เรียบร้อย ทั้งนี้การทำฝ้าใหม่ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องความสมบูรณ์ของโครงสร้างที่ได้มาตรฐานเป็นสำคัญ  อะไรก็ตามที่ได้มาตรฐานปลอดภัยย่อมได้ราคาดี พื้นฐานที่สำคัญแน่นอนย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้แน่นอน

จุดเล็กๆใครว่าไม่สำคัญ

อย่ามองพลาดจุดเล็กๆที่สำคัญ เช่นหลอดไฟ ปลั๊ก สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ถ้าหากคุณมองข้ามมันไป แนะนำให้ตรวจดูบ้านของคุณทุกซอกทุกมุมว่ามีสิ่งใดเสียหายที่ต้องการการซ่อมแซม 

• บานพับประตู
• ลูกบิดประตู
• ปลั๊กทุกจุด
• ประตู
• หน้าต่าง 

สิ่งเล็กๆเหล่านี้จะช่วยเติมเต็มให้บ้านคุณดูน่าจับจองขึ้นมากและช่วยให้บ้านดูใหม่น่าอยู่อย่างปลอดภัยอีกด้วย ตรวจเช็คดู หากพบว่าเสียหาย ต้องรีบซ่อม การลงทุนเพียงนิดเทียบไม่ได้กับความใส่ใจที่เราแสดงให้ลูกค้าเห็น ซึ่งจุดนี้ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ตามเทรนใหม่ให้ทัน

การรีโนเวท จะสวยแค่ไหนก็ใช่ว่าจะมีคนซื้อ สิ่งสำคัญคือกำหนดว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายของเรา ดูว่าเทรนด์ไหนที่เหมาะโดนใจ เพื่อให้บ้าน ตึกของเราดึงดูด น่าสนใจ เช่น คนรุ่นใหม่ชอบความโมเดิร์น สไตล์เรียบหรูดูดี มีความมินิมอล ซึ่งแปลว่า ไม่ต้องทำเยอะเกินไป แค่ลงทุนให้ตรงจุด แค่นี้ก็ขายได้แล้ว